“แอล ดับเบิลยู เอส” ระบุ 6 ปัจจัยสำคัญในการพัฒนาคอนโดฯในเมือง
8 ก.ค. 2566
“แอล ดับเบิลยู เอส” ระบุ ทำเล ราคา พื้นที่สีเขียว พื้นที่ออกกำลังกาย สิ่งอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับการประหยัดพลังงาน และรูปแบบของห้อง เป็น 6 ปัจจัยสำคัญในการพัฒนาคอนโดมิเนียมในเมืองเพื่อตอบโจทย์กับความต้องการของผู้ซื้อในปัจจุบัน
นายประพันธ์ศักดิ์ รักษ์ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการบริษัท แอล ดับเบิลยู เอส วิสดอม แอนด์ โซลูชั่น จำกัด บริษัท วิจัยและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเครือ บริษัท แอล พี เอ็น ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด(มหาชน) ระบุว่า จากการสำรวจพฤติกรรมของผู้ซื้ออาคารชุดพักอาศัยในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑลในปัจจุบัน ระหว่างปี 2565-2566 พบว่า ผู้ซื้ออาคารชุดในปัจจุบันในความสำคัญกับ 6 ปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้ออาคารชุด ประกอบด้วย
- ทำเล
จากผลการสำรวจพบว่า 81% ของผู้ตอบแบบสอบถามให้ความสำคัญกับเรื่องของทำเล เป็นหลักโดยทำเลที่ตั้งที่ผู้ซื้อให้ความสำคัญต้องเป็นทำเลที่เดินทางสะดวก ใกล้ระบบขนส่งสาธารณะหรือจุดขึ้น-ลงทางด่วน ใกล้แหล่งงาน และสถานศึกษา - ราคา
ราคา เป็นปัจจัยสำคัญเป็นอันดับรองลงมาโดยผู้ตอบแบบสอบถาม 65% ให้ความเห็นว่าในทำเลเดียวกัน ราคาที่สมเหตุสมผล (Reasonable Price) และสามารถจับต้องได้ (Affordable Price) เป็นปัจจัยต่อมาที่ทำให้ผู้ซื้อตัดสินใจซื้อโครงการ
เมื่อได้ทำเลและราคาที่เหมาะสมแล้ว ปัจจัยที่จะตัดสินใจซื้อโครงการใดโครงการหนึ่งที่ตั้งอยู่ในทำเลเดียวกันในระดับราคาที่ใกล้เคียงกันเป็นเรื่องของสิ่งอำนวยความสะดวก และการออกแบบโครงการโดยมีปัจจัยที่ผู้ซื้อให้ความสำคัญประกอบด้วย - พื้นที่สีเขียว
จากผลการสำรวจพบว่า 84% ของผู้ตอบแบบสอบถาม ให้ความสำคัญกับโครงการที่พื้นที่ส่วนกลางที่มีพื้นที่สีเขียวเพื่อการพักผ่อน - พื้นที่ออกกำลังกาย
นอกจากพื้นที่สีเขียวภายในโครงการแล้วผลการสำรวจพบว่า 79% ของผู้ตอบแบบสอบถามต้องการให้โครงการมีพื้นที่สำหรับออกกำลังกายรวมทั้งสระว่ายน้ำ เพื่อตอบโจทย์กับรูปแบบการใช้ชีวิตในปัจจุบันที่ให้ความสำคัญกับการออกกำลังกายเพื่อดูแลสุขภาพ - สิ่งอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับการประหยัดพลังงาน
และไม่น้อยกว่า 40% ให้ความสำคัญกับสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวข้องกับการประหยัดพลังงาน อาทิ EV Charger และการติดตั้ง Solar Cell เพื่อการประหยัดพลังงาน - รูปแบบของห้อง
ในขณะที่รูปแบบของห้องเป็นปัจจัยสุดท้ายที่ทำให้ผู้ซื้อตัดสินใจซื้อห้องชุด โดยเปรียบเทียบกับคู่แข่งในตลาด จากผลการวิจัยพบว่า ผู้ซื้อไม่น้อยกว่า 48% เป็นผู้ซื้อที่พักภายในห้องชุด 2 คน ทำให้ผู้ซื้อสนใจที่จะซื้อห้องในรูปแบบ 1 ห้องนอนมากที่สุดคิดเป็นสัดส่วน 65% ของผู้ตอบแบบสอบถาม และ 28% สนใจซื้อที่อยู่อาศัยในรูปแบบห้องสตูดิโอ โดยให้เหตุผลในเรื่องของขนาดเหมาะสมกับการอยู่อาศัย แต่ในปัจจุบันมีการพัฒนาห้องรูปแบบ 1 ห้องนอน พลัส ซึ่งเป็นที่นิยมมากขึ้น เนื่องจากผลการวิจัยพบว่า ผู้อยู่อาศัยในคอนโดมิเนียมยังคงมีการทำงานที่บ้าน (work from home) อยู่ถึง 22% เฉลี่ยวันละ 1-2 วัน/สัปดาห์ โดยเฉพาะคน Gen Z ที่ต้องการพื้นที่อเนกประสงค์ที่สามารถทำเป็นห้องทำงานภายในห้องได้
ภายในพื้นที่ห้องชุด ผู้อยู่อาศัยให้ความสำคัญกับห้องนอนเป็นอันดับ 1 รองลงมาคือ ห้องนั่งเล่น และให้ความสำคัญกับห้องครัวเป็นอันดับสุดท้าย โดยในปัจจุบันมีการพัฒนารูปแบบห้องชุดออกมาเป็นจำนวนมาก ซึ่งแต่ละรูปแบบจะมีข้อดีข้อเสียที่ต่างกันออกไป อย่างเช่น ห้องที่มีห้องนั่งเล่นอยู่ติดหน้าต่าง-ระเบียงจะมีข้อดีคือ ห้องนั่งเล่นได้แสงธรรมชาติ มองเห็นวิวภายนอก แต่จะมีข้อเสียคือ ทำให้ห้องครัวไม่ได้ติดระเบียง ซึ่งอาจไม่เหมาะกับคนที่ทำครัวบ่อย แต่ถ้าห้องที่ได้ครัวติดระเบียง ห้องนั่งเล่นก็จะไม่เห็นวิวและแสงธรรมชาติ
“ทั้ง 6 ปัจจัยในการเลือกซื้ออาคารชุดที่สำคัญโดย 2 ปัจจัยแรกเป็นปัจจัยพื้นฐานในการเลือกซื้อคือทำเลและราคา เมื่อได้ทำเลและราคาที่เป็นตัวเลือกแล้ว อีก 4 ปัจจัยหลัง จะเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจซื้อเมื่อนำรายละเอียดของโครงการที่อยู่ในทำเลและราคาที่ใกล้เคียงกันมาเปรียบเทียบ โดยเฉพาะในด้านการออกกำลังกาย และพื้นที่สีเขียวที่สร้างบรรยากาศผ่อนคลายให้กับผู้อยู่อาศัย การออกแบบพื้นที่ส่วนกลางในคอนโดมิเนียมจึงควรให้ความสำคัญกับพื้นที่ทั้งสอง โดยเน้นการออกแบบให้น่าใช้งานและมีความหลากหลายเพื่อส่งเสริมการใช้งานที่ต่างกันออกไปนอกเหนือจากพื้นที่ส่วนกลางพื้นฐาน อย่างเช่น ห้องโยคะ, Boxing Area, Jogging Track, Outdoor Co-Living Space เป็นต้น ทำให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์จำเป็นต้องพัฒนาโครงการโดยคำนึงถึงความต้องการของผู้ซื้อโดยเฉพาะพื้นที่ส่วนกลาง และรูปแบบของห้องที่จะสามารถตอบโจทย์กับความต้องการของผู้ซื้อ เพราะเป็น 4 ปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจขั้นสุดท้ายของผู้ซื้อ” นายประพันธ์ศักดิ์ กล่าว